วัดน้ำหนักจริงของบานประตู (kg) และความยาวบาน (m)
ประเมินแรงเสียดทาน/แรงกลิ้ง (rolling resistance) และแรงลม (ถ้าบานมีพื้นที่มากหรืออยู่ที่โล่ง)
คำนวณแรงดึงที่มอเตอร์ต้องให้ได้ (F) แล้วคำนวณแรงบิดที่ต้องการที่เฟือง/เพลาขับ (T)
แปลงเป็นกำลัง (Power, W) โดยคำนึงถึงความเร็วเลื่อน (m/s หรือ m/min) และเกียร์/อัตราทด
เผื่อ Safety Factor (1.5–2.0) และเลือกมอเตอร์/เกียร์ที่มีค่าเริ่มต้น (starting torque) สูงพอ
ตรวจสอบสเปกเพิ่มเติม: IP rating, duty cycle, limit switch, ระบบปล่อยฉุกเฉิน, ไฟสำรอง/แบต, soft-start/VFD ฯลฯ
แรงเสียดทาน (Approx. rolling force)
F≈μ⋅m⋅g
โดยที่
F = แรงที่มอเตอร์ต้องเอาชนะแบบนิ้ว (N)
μ = ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน/กลิ้ง (โดยประมาณ 0.02–0.06 สำหรับล้อ/แบริ่งดี)
m = มวลประตู (kg)
g = 9.81 (m/s²)
แรงบิดที่เพลาขับ (Torque at pinion)
T=F×r
T = นิวตันเมตร (N·m)
r = รัศมีของเฟือง/พินิออน (m) — ถ้าใช้เฟืองฟัน rack-pinion ให้ใช้รัศมีเช่น (pitch_diameter/2)
กำลังที่ต้องการ (Mechanical power)
P=F×v (W)
หรือถ้าคำนวณจากแรงบิดและความเร็วเชิงมุม:
P=T×ω , ω=2π×60RPM
เผื่อความปลอดภัย (Safety Factor)
แนะนำเผื่อ 1.5–2.0 เพื่อครอบคลุมสตาร์ท ความฝืด เปิดในสภาพอากาศ และการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์
สมมติ:
น้ำหนักบานประตู m=500 kg
ค่า μ=0.03 (ลูกกลิ้ง/ล้อดี)
พินิออนมี pitch diameter = 40 mm → r = 0.02 m
ความเร็วเลื่อนที่ต้องการ v=0.2 m/s (≈12 m/min — ปกติ 10–20 m/min)
แรงเสียดทาน:
F=0.03×500×9.81=147.15 N
แรงบิดที่เพลาขับ:
T=147.15×0.02=2.943 N\cdotpm
กำลังกลเครื่องกลที่ต้องใช้:
P=F×v=147.15×0.2=29.43 W
เผื่อ Safety Factor 2.0 → ต้องใช้กำลังประมาณ 60 W ที่เพลาขับ (mechanical)
แต่เพราะมอเตอร์มีเกียร์ลดและประสิทธิภาพรวม (η) ไม่ถึง 100% และต้องมีแรงสตาร์ทสูงกว่า แนะนำมอเตอร์จริงที่กำลังไฟฟ้า 300–500 W (เพื่อให้มีแรงบิดสตาร์ทและเผื่อการสูญเสีย) — นี่เป็นเหตุผลที่เราใช้องค์ประกอบเผื่อมากกว่าแค่สูตรเชิงกล
หมายเหตุ: ค่าที่ได้จากสูตรเป็นค่าเชิงทฤษฎีของแรงกลเพียงอย่างเดียว — ในการใช้งานจริงต้องเผื่อการสตาร์ท ความฝืดของราง/ล้อ ความดันลม และแรงเฉื่อยตอนเริ่มเคลื่อน (inertia) — จึงนิยมเลือกมอเตอร์ที่มีกำลังสูงกว่า 2–5 เท่า ขึ้นกับสภาพจริง
(สำหรับประตูเลื่อนแบบทั่วไป — rack & pinion หรือ worm gear drives)
ประตู ≤ 250 kg → มอเตอร์ 250–350 W
ประตู 250–500 kg → มอเตอร์ 400–600 W
ประตู 500–1000 kg → มอเตอร์ 800–1200 W
ประตู 1000–2000 kg → มอเตอร์ 1500–3000 W (หรือมอเตอร์อุตสาหกรรมพร้อมเกียร์เพิ่มทอร์ก)
ประตู >2000 kg → ใช้ระบบมอเตอร์/เกียร์ขนาดใหญ่ หรือระบบรางลากแบบเฉพาะ (ขอคำปรึกษาวิศวกร)
คำเตือน: ถ้าบานกว้างแต่เบา (มีพื้นที่รับลมมาก) ให้เลื่อนขึ้นเป็นขนาดถัดไป เนื่องจาก แรงลม (wind load) จะเป็นตัวเพิ่มแรงที่มอเตอร์ต้องทำงาน
ความยาว/พื้นที่บาน (Wind load) — ประตูพื้นที่มากจะรับแรงลมสูง ควรเผื่อมากขึ้น
ความเร็วที่ต้องการ (m/min) — ถ้าต้องการเร็วมาก ต้องกำลังเพิ่มขึ้น
Duty Cycle / ความถี่การใช้งาน — ประตูที่เปิด-ปิดบ่อย (เช่น โรงงาน) ต้องเลือกมอเตอร์ที่ออกแบบสำหรับงานหนัก (S3/S6 duty)
ประเภทไดร์ฟ — Direct drive, worm gear, belt drive, rack & pinion — แต่ละแบบมีความต่างเรื่องทอร์กและ maintenance
Starter / Soft-start / VFD — ช่วยเพิ่มแรงสตาร์ท ควบคุมความนุ่มนวล และลดโหลดกระชาก
IP Rating — ถ้าใช้กลางแจ้งควร IP54 หรือสูงกว่า (IP65 ถ้าโดนฝนโดยตรง)
ระบบฉุกเฉิน — Manual release, battery backup (สำหรับช่วงไฟดับ)
เสียง/สั่นสะเทือน — ถ้าติดในที่อยู่อาศัย เลือกพัดลม/เกียร์ที่เงียบและติดตั้งยางรองลดสั่น
น้ำหนักบาน (kg) | ความยาวบาน (m) (โดยประมาณ) | แนะนำมอเตอร์ (ไฟฟ้า) | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
≤ 250 | ≤ 3 m | 250–350 W | บ้านเดี่ยว ประตูเล็ก |
250–500 | 3–6 m | 400–600 W | บ้านเดี่ยว/ทาวน์เฮาส์ทั่วไป |
500–1000 | 4–8 m | 800–1200 W | ประตูใหญ่/โรงงานขนาดเล็ก |
1000–2000 | 6–12 m | 1500–3000 W | ประตูโรงงาน/คลังสินค้า |
>2000 | — | ระบบมอเตอร์/เกียร์อุตสาหกรรม (สอบถาม) | ต้องออกแบบโดยวิศวกร |
(เพิ่ม Safety factor 1.5–2.0 ถ้าพื้นที่เปิดรับลมมากหรือใช้งานหนัก)
วัดน้ำหนักจริงของบาน (ถ้าไม่รู้ ให้ช่างประเมิน)
ตรวจความเรียบและสภาพราง/ล้อ (ถ้ารางฝืด ต้องซ่อมก่อน)
ระบุ Pitch diameter หรือขนาดพินิออน (ถ้ามี) เพื่อคำนวณแรงบิดตรงจุดขับ
กำหนดความเร็วเลื่อนที่ต้องการ (m/min)
ตรวจสอบสภาพลม/พื้นที่เปิด (ถ้ามี ให้เพิ่ม margin)
เลือกมอเตอร์ตามตาราง + เผื่อ SF 1.5–2.0
เลือกมอเตอร์ที่มี IP, duty cycle, และอุปกรณ์ safety ครบ (limit switch, photocell, manual release)
วางแผนระบบไฟฟ้า (สาย, เบรกเกอร์, หน่วงเวลา) และมี VFD/soft-start หากต้องการนุ่มนวล
กำหนดบริการหลังการขาย/การรับประกัน และคู่มือดูแล
ใช้สูตร F=μmg + T=Fr เพื่อหาแรงบิดเชิงทฤษฎี → แปลงเป็นกำลัง → เผื่อ safety factor
ในงานจริง มอเตอร์ที่เลือกมักต้องมีกำลังสูงกว่าคำนวณเชิงกลถึง 2–5 เท่า เพื่อครอบคลุมสตาร์ทและปัจจัยภายนอก
ถ้าน้ำหนัก/พื้นที่บานมาก หรือเปิด-ปิดถี่ ควรปรึกษาผู้ผลิตมอเตอร์/วิศวกรเพื่อออกแบบเกียร์ และเลือกพัดลม/มอเตอร์ที่เหมาะสม